วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี










การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2012 เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุกสี่ปีครั้งที่ 57 และมีขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้ลงสมัครจากพรรคเดโมแครต กับรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน คู่ลงสมัคร ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง คู่แข่งคนสำคัญ คือ มิตต์ รอมนีย์ ผู้ลงสมัครจากพรรครีพับลิกันและอดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ และวุฒิสมาชิกพอล ไรอัน คู่ลงสมัคร จากรัฐวิสคอนซิน
ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาซึ่งวุฒิสมาชิกหนึ่งในสาม (33 ที่นั่ง) ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกสองปีเพื่อเลือกตั้งสมาชิกมายังสมัยประชุมสภาคองเกรสที่ 113 นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐสิบเอ็ดรัฐและการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติในหลายรัฐพร้อมกันด้วย



ข่าวรายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2012 วันที่ 7 พย.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต สามารถรักษาเก้าอี้ผู้นำสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 หลังคว้าชัยชนะขาดลอยเหนือนายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน ด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้งล่าสุด 303  ต่อ 206  เสียง
โอบามา ซึ่งเคยสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำผิวสีคนแรกของสหรัฐ สร้างสถิติอีกครั้งด้วยการเป็นผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตคนที่ 2 ที่สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐติดต่อกัน 2 สมัย นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยผู้ที่สามารถทำได้คนแรก คืออดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐระหว่างปี 2535-2543
นอกจากนี้ โอบามายังสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรก ในรอบ 70 ปี ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ขณะที่อัตราว่างงานสูงกว่า 7.4% แม้อัตราการจ้างงานโดยรวมจะเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านตำแหน่ง แต่อัตราการว่างงานประจำเดือนต.ค. กลับอยู่ที่ 7.9%
อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันกว่าครึ่งที่ออกมาใช้สิทธิ์ เชื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญเป็น “ผลงาน” ของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ไม่ใช่โอบามา
ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุน และประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันหน้าทำเนียบขาว พร้อมกับส่งเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ เช่นเดียวกับผู้ขับขี่รถยนต์แทบทุกคัน ที่ต่างพากันบีบแตรเมื่อแล่นผ่านทำเนียบขาว อันเป็นสัญลักษณ์แสดงความยินดีต่อชัยชนะที่จะนำไปสู่การครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกหนึ่งสมัย โอบามาทวีตข้อความเพียงสั้นๆผ่านทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา @barackobama ขอบคุณประชาชนและผู้สนับสนุนทุกคน ที่ช่วยกันทำวันนี้ให้เป็นจริง
เช่นเดียวกับบริเวณภายนอกศูนย์ประชุมในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ที่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเริ่มหลั่งไหลเข้ามาจับจองพื้นที่ เพื่อรอการปรากฏตัวของโอบามา และครอบครัว พร้อมกับรับฟังสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะของเขา
รายงานระบุว่า ระหว่างที่การลงคะแนนเลือกตั้งกำลังดำเนินอยู่ โอบามาร่วมเล่นบาสเกตบอลกับกลุ่มเพื่อนสนิท ซึ่งมีทั้งบุคคลในแวดวงการเมือง และนักบาสเกตบอลอาชีพจากทีมชิคาโก บูลส์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่โอบามาปฏิบัติตั้งแต่วันหยั่งเสียงเลือกตั้งเบื้องต้น เพื่อหาตัวแทนพรรคเดโมแครตลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี ระหว่างเขากับนางฮอลลารี คลินตัน เมื่อปี 2551
แม้ผลการนับคะแนนจะยังไม่เสร็จสิ้นครบทั้ง 50 รัฐ แต่โอบามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งล่าสุดอยู่ที่ 303  จาก 538 เสียง ซึ่งถือว่าเกิน 270 เสียงตามที่รัฐธรรมนูญสหรัฐบัญญัติไว้ โดยโอบามาได้รับชัยชนะในรัฐดังต่อไปนี้ ( รัฐ-คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง )
แคลิฟอร์เนีย – 55 เสียง
คอนเนกติกัต – 5 เสียง
โคโลราโด – 9 เสียง
เดลาแวร์ – 3 เสียง
ฮาวาย – 4 เสียง
อิลลินอยส์ – 20 เสียง
ไอโอวา – 6 เสียง
เมน – 4 เสียง
แมริแลนด์ – 10 เสียง
แมสซาชูเซตส์ – 11 เสียง
มิชิแกน – 16 เสียง
มินนิโซตา – 10 เสียง
นิวแฮมป์เชียร์ – 4 เสียง
นิวเจอร์ซีย์ – 14 เสียง
นิวเม็กซิโก – 5 เสียง
นิวยอร์ก – 29 เสียง
เนวาดา – 6 เสียง
โอไฮโอ – 18 เสียง
ออริกอน – 7 เสียง
เพนซิลเวเนีย – 20 เสียง
ฟลอริดา – 29 เสียง
โรดไอแลนด์ – 4 เสียง
เวอร์จิเนีย – 13 เสียง
เวอร์มอนต์ – 3 เสียง
วอชิงตัน ดีซี – 3 เสียง
วอชิงตัน – 12 เสียง
วิสคอนซิน – 10 เสียง
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งตัวขึ้นทันทีเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ตอบรับชัยชนะของโอบามา โดยมาปิดอยู่ที่ 1.2860 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 ยูโร ในการซื้อขายเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ในตลาดโตเกียว และอยู่ที่ 1.2814 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 ยูโร หลังการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร แต่เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแล้วอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 80.05 เยน ในตลาดโตเกียว และ 80.34 เยนในตลาดนิวยอร์ก
ล่าสุดรอมนีย์ขึ้นเวทีที่ศูนย์ประสานงานเลือกตั้งของเขาในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ กล่าวแสดงความยินดีต่อโอบามา และอวยพรให้อีกฝ่ายประสบความสำเร็จ พร้อมกับยอมรับความพ่ายแพ้ และขอบคุณทีมงานหาเสียงของเขาทุกคน รวมถึงนายพอล ไรอัน ผู้สมัครคู่กับเขาในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ที่ทำงานกันอย่างหนักตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา


ขณะที่การเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา(สภาสูง) รีพลับริกันได้รับเลือกล่าสุด 44 ที่นั่ง ส่วนเดโมแครต 49 ที่นั่ง ส่วน ส.ส. (สภาล่าง) รีพลับริกันได้ 205 ที่นั่ง ส่วนเดโมแครต 148 ที่นั่ง (ไม่เป็นทางการ)

"โอบาม่า" ประกาศชัยชนะย้ำจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยุติสงคราม ด้าน "รอมนีย์" ยอมรับความพ่ายแพ้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ไม่เป็นทางการ) นายบารัค โอบาม่า จากพรรคเดโมแครตชนะเลือกตั้งต่อนายมิตต์ รอมนีย์ จากพรรครีพลับริกัน

ทั้งนี้นายรอมนีย์ ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีต่อผู้สนับสนุนจำนวนมากยอมรับความพ่ายแพ้ โดยเขาได้กล่าวขอบคุณภรรยาพร้อมกับกล่าวติดตลกว่าเธอเกือบจะได้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่สวยงาม อย่างไรก็ตามเขาระบุว่ามีความหวังจะช่วยเหลือประเทศชาติในทางที่แตกต่าง แต่เมื่อคนในชาติเลือกผู้นำอีกคนหนึ่ง ดังนั้นเขาและภรรยาก็พร้อมจะเป็นกำลังใจช่วยโอบาม่าและสหรัฐอเมริกา

ขณะที่บารัค โอบาม่า ขึ้นกล่าวประกาศชัยชนะหลังจากนั้นที่นครชิคาโก้ โดยให้กำลังใจชาวอเมริกันที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาในฐานะคนในชาติเดียวกัน จากนั้นกล่าวขอบคุณภรรยาว่ามีวันนี้ได้ เพราะผู้หญิงที่แต่งงานด้วยกันมา 20 ปี พร้อมระบุว่าเขาไม่เคยหยุดรักเธอน้อยลงเลย

ขณะเดียวกันโอบาม่าได้ประกาศเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่าจะฟื้นฟูกอบกู้เศรษฐกิจ รวมทั้งหยุดสงครามที่มีมานับทศวรรษ

โอบาม่า ระบุอีกว่า กระบวนการประชาธิปไตยในชาติที่มีผู้คนกว่า 300 ล้านคน มันสามารถที่จะเกิดความวุ่นวายและยุ่งยาก

"แคมเปญเลือกตั้งขณะนี้จบลงแล้ว ไม่ว่าจะได้รับคะแนนโหวตหรือไม่ได้รับจากพวกคุณคนไหน แต่ก็ถือว่าได้เรียนรู้จากพวกคุณ ผมยังฟังพวกคุณ และพวกคุณจะมีส่วนช่วยทำให้ผมเป็นประธานาธิบดีที่ดีขึ้นต่อไป"โอบาม่ากล่าว 





ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ(ElectoralVote)ล่าสุดนายบารัค โอบาม่า มีคะแนนขึ้นนำห่างที่ 274 ส่วนนายมิตต์ รอมนีย์มีคะแนนตามที่ 201 ขณะที่คะแนน Popular Vote โอบาม่าอยู่ที่ราว 40.6 ล้านคะแนน นายรอมนีย์ 41.5 ล้านคะแนน สัดส่วน 49 : 50 เปอร์เซ็นต์

ทีมข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" เกาะติดงานติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย ณ ห้องแกรด์ บอลรูม โรงแรมพลาซ่า แอทธินี บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ การใช้มัลติมีเดียกูเกิลพลัสพูดคุยออนไลน์ระหว่างผู้ลุ้นผลการเลือกตั้งในไทย และผู้ลุ้นผลการเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมทั้งในสหรัฐด้วย  

ผู้เข้าร่วมงานวันนี้กว่า 600 คน ทั้งบรรดานักเรียน นักศึกษา ชาวสหรัฐที่ทำงานในประเทศไทบย ข้าราชการ-นักการทูตทั้งไทยและสหรัฐฯ 

คริสตี้ เคนนีย์ เอกอัคราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงการเลือกตั้งครั้งสำคัญว่า "การเลือกตั้งครั้งนี้น่าตื่นเต้น และสูสีมาก แคนดิเดดทั้ง 2 ท่านต่างมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและมีประสบการณ์สูง นี่เป็นการแข่งขันที่ใกล้เคียง แต่นี่คือความสำคัญของประชาธิปไตย ที่เราได้ดูประชาชนมาออกเสียง และรอคอยผลเลือกตั้งออกมา"

ก่อนที่ผลเลือกตั้งจะออกมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า วอลเตอร์ เอ็ม บราวโนเลอร์ โฆษกสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ต่อว่าโค้งสุดท้ายนี้ต้องจับตาที่สะวิงสเตทส์ 

"ปัจจัยหลักที่จะชี้ขาดคือ เสียงโหวตในสะวิงเสตทส์ ผมจะจับตามองอย่างใกล้ชิดถึงเสียงโหวตในฟลอริด้า โอไฮโอ นิวแฮมป์เชียร์ และรัฐอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจโหวต ในอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถีงเวลานับคะแนน นี่เป็นการแข่งขันที่ต่อเนื่องยาวนาน และไม่ง่ายเลย แต่ชาวอเมริกันก็ต่างชอบและรอลุ้นผล แคนดิเดตทั้งสองมีคุณสมบัติพร้อม ไม่ว่าใครจะได้ครองตำแหน่ง" 

นายโพง เมี๊ยะ มอว์ นักศึกษาชาวเมียนมาร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า "รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาเชียร์ให้รีพับลิกันเป็นผู้ครองชัยชนะ เนื่องจากเห็นด้วยกับนโยบายหลายๆ ข้อของพรรค และเห็นขัดแย้งกับนโยบายสาธารณสุขของเดโมแครตจึงเอาใจช่วยรอมนีย์ แต่จนขณะนี้ก็ยังบอกอยากว่าใครจะชนะ เพราะคะแนนเสียงสูสีมาก"

ด้านนักศึกษาชาวอเมริกันในประเทศไทย นางสาวเมลิซซ่า นิโคล ชาร์ป ให้สัมภาษณ์ว่า "การเลือกตั้งครั้งนี้สูสีเป็นอย่างมาก และผู้คนที่นี่ก็คับคั่ง แม้ไม่ได้ดูผลโหวตที่บ้านเกิด ก็ดีใจที่ได้มาลุ้นผลที่นี่ ในใจคิดว่าโอบามาได้เปรียบน่าจะได้ครองตำแหน่ง ส่วนตัวนั้นได้โหวตล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่อยากเปิดเผยว่าเลือกใคร" 



ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ(ElectoralVote)ล่าสุดนายบารัคโอบาม่ามีคะแนนขึ้นนำห่างที่256ส่วนนายมิตต์รอมนีย์มีคะแนนตามที่201 ขณะที่คะแนน Popular Vote โอบาม่าอยู่ที่ราว 38.8 ล้านคะแนน นายรอมนีย์ 39.8 ล้านคะแนน สัดส่วน 49 : 50 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าถ้าโอบามาชนะในรัฐ Florida ก็น่าจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้



สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานผลการหยั่งเสียงหน้าคูหาเลือกตั้ง (เอ็กซิทโพล) ของรอยเตอร์/อิปซอส ชี้ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันผิวขาวทั้งชายและหญิงเลือกมิตต์ รอมนีย์ ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันที่เป็นชนกลุ่มน้อยเลือกบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต





การนับคะแนนช่วงต้นจนถึงกลางล่าสุดยังสูสีขณะที่ยังต้องลุ้นในรัฐSwingStateหรือรัฐที่ไม่มีฐานคะแนนเสียงของพรรคใดพรรคหนึ่งแน่นอน








.
.
.
.
BYE BYE!